Thursday, March 23, 2006

พิพิธภัณฑ์นิติเวชศาสตร์ สงกรานต์ นิยมเสน

พิพิธภัณฑ์นิติเวชศาสตร์ สงกรานต์ นิยมเสน โครงการที่ควรได้รับการสนับสนุน เพื่อสร้างสรรค์สังคม

ตีพิมพ์ใน "ศิลปวัฒนธรรม" ฉบับเดือน ตุลาคม 2005

พิพิธภัณฑ์นิติเวชศาสตร์ สงกรานต์ นิยมเสน - โครงการที่ควรได้รับการสนับสนุน เพืื่อสร้างสรรค์สังคม

ดร.พร วิรุฬห์รักษ์
virulrak@hotmail.com

เมื่อช่วงปลายเดือน กรกฏาคม 2548 ที่ผ่านมา ผู้เขียนได้มีโอกาสกลับไปเยี่ยมประเทศไทย อีกครั้ง โดยพยายามสัญญากับตัวเองว่าจะต้องมาให้ได้อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เนื่องจากหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก กลัวว่า้ถ้าห่างหายไปนานจะตามกระแสไม่ทัน

มุมมองของคนที่อยู่ในต่างประเทศแล้วกลับมาเมืองไทยเป็นระยะสม่ำเสมอก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจเพราะเเหมือนเป็นการเก็บภาพของช่วงเวลาหนึ่งแล้วมาเปรียบเทียบกับอีกช่วงหนึ่ง ซึ่งจะเห็นความแตกต่างอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้เขียนเห็นอย่างชัดเจนว่า อะไรที่เปลี่ยนไป อะไรที่เปลี่ยนเร็วมาก อะไรที่เปลี่ยนช้า และอะไรที่ไม่เปลี่ยนเลย โดยเทียบกับคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพทุกๆวันนั้นอาจจะไ่ม่เห็นก็ได้ เพราะอยู่ใกล้เกินไปและ ไม่ีมีเวลาได้สังเกตุดู เช่นในเรื่องของ การดำเนินชีวิต เรื่องของแฟชั่น เรื่องปัญหาสังคม ฯลฯ สิ่งที่ผู้เขียนต้องทำอยู่เสมอเมื่อกลับเืมืองไทยในด้านของวิชาการนั้นมี อยู่ 2 ประการได้แก่ การเป็นวิทยากรบรรยายตามสถาบันการศึกษาหรือบริษัทต่างๆ และ การไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ของประเทศไทยเพื่อศึกษาสถาณการณ์ และในครั้งนี้ก็ได้ไปชมพิพิทธภัณฑ์แห่งหนึ่ง ซึ่งอดไม่ได้ที่จะต้องนำมาขอวิเคราะห์ให้ทุกท่านฟังในที่นี้ และโดยส่วนตัวแ้ล้วอยากถ่ายภาพมาให้ชมมากแต่ว่า กลัวว่าจะผู้อ่านบางท่านจะรับไม่ได้ ดังนั้นจึงอยากให้ผู้อ่านทั้งหลายไปชมด้วยตัวเองจะดีที่สุด

สถาณที่ตั้ง

พิพิธภัณฑ์นิติเวชศาสตร์ สงกรานต์ นิยมเสน (Songkran Niyomsene Forensic Medicine Museum) นั้นตั้งอยู่บนชั้นสอง ของตึกอดุลยเดชวิกรมณ์ เป็นหนึ่งในจำนวน 6 พิพิธภัณฑ์ของโรงพยาบาลศิริราช ผู้เขียนคาดว่า จุดประสงค์ของการก่อตั้งก็เพื่อต้องการให้คนทั่วไปมีความ เข้าใจพื้นฐานของวิชานิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการพิสูจน์หลักฐานทางกฎหมายเพื่อส่งเสริมระบบยุติธรรมของประเทศให้ีมีประสิทธิภาพ

นิติเวชศาสตร์

คำว่า Forensic ตามความหมายดั้งเดิมนั้น เป็นคำที่มีความหมายตรงกับคำว่า legal ซึ่งทั้งสองคำนั้นเป็น adjective ขยายคำนาม โดยมีความหมายว่า เกี่ยวกับทางกฎหมาย แต่ในปัจจุบันกรอบความหมายของคำว่า Forensic นั้นเจาะลึงลงไป โดยหมายถึงการพิสูจน์หลักฐานทางอาชญากรรม มากกว่าการที่จะเป็นกฎหมายโดยรวม โดยจะนำไปใช้ขยายคำนามที่เป็น ศาสตร์ หรือ แนวทางการศึกษา เช่นคำว่า Forensic Pathology นั้นหมายถึงศาสตร์ของการศึกษาร่างกายมนุษย์ เพื่อที่จะค้นหาสาเหตุและรูปแบบการเสียชีวิต Forensic Toxicology เป็นการศึกษาเกี่ยวกับยาและพิษที่มีผลต่อร่างการมนุษย์ หรือแม้กระทั่งคำว่า Forensic Animation ก็หมายถึงภาพเคลื่อนไหวใน Computer ที่นำมาใช้ในการพิสูจน์หลักฐาน
และสำหรับ Forensic Medicine อันเป็นชื่อของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ก็เป็นการตั้งกรอบความหมายโดยรวมไปในตัวในเนื้อหาเกี่ยวกับที่ นายแพทย์นิติเวชต้องทำการปฎิบัติ เื่พื่อพิสูจน์หลักฐาน ค้นหาความจริงของอาชญากรรม และสิ่งที่นำมาแสดงในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็จะสะท้อนกรอบความคิดนี้

Collection

ในส่วนของ สิ่งที่นำมาแสดงนั้น ล้วนแต่เป็นตัวอย่างของร่างกายมนุษย์ที่ถึงแ่ก่กรรมใน กรณีต่างๆ ตั้งแต่ถูกฆาตกรรม อุบัติเหตุ โรคภัยไข้เจ็็บต่างๆ ของจริง ทั้งสิ้น รวมทั้งอุปกรณ์ในการใช้พิสูจน์หลักฐานตั้งแต่สมัยโบราณมา บางส่วนนั้นเป็นรูปของเด็กทารกที่ตายในครรถ์มารดา ฯลฯ ส่วนที่ได้รับความสนใจมากที่สุด น่าจะเป็น ซากศพของนายซีอุย แซ่อึ้ง ที่มีคนเข้ามาชมไม่ขาดสาย และอีกสองส่วนที่โรงพยาบาลในความสำคัญมากได้แก่ การแสดงกะโหลก ที่ใช้ในการทดสอบยิงของคดีลอบปลงพระชมน์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 8 และ หลักฐานเสื้อผ้าจากคดีนวลฉวี นอกจากนี้ยังมีโครงกระดูกของนายแพทย์ สงกรานต์ นิยมเสนเอง ที่ท่านคงยินดีบริจาคเพื่อให้เป็นวิทยาทานแก่วงการนิติเวชของไทย

ปัญหา

น่าเสียดายที่ถึงแม้จะมีการ upgrade ตัว Furniture แต่ก็ยังขาดข้อมูลอยู่มาก เพราะสิ่งทีนำมาจัดแสดงนั้นน่าสนใจมาก และทำให้คนใคร่รู้ถึงเรื่องราวเบื้องหลัง แต่ไม่มีใครรู้ว่า่มาจากไหน คดีอะไร และวิธีการเปรียบเทียบ คืออะไ้้ร อย่างที่เคยกล่าวให้ทราบในฉบับที่แล้วๆ มาว่าการเดินทางเข้าไปในพิพิทธภัณฑ์สักแห่งของคนนั้น ก็เหมือนกับการที่คนเดินผ่านเข้าไปในหนังสือเล่มหนึ่ง หรือเข้าไปดูหนังสักเรื่อง พิพิธภัณฑ์เป็นเรื่องของ Experience ไม่ใช่เรื่องของการเก็บของ

ตัวอย่างเช่นในกรณีซึอุย น่าจะขยายความว่า เขาเ็ป็นใคร เกิดเืมื่อไหร่ เข้ามาเืมืองไทยเมื่อ ไหร่และอาการทางจิตที่มีลักษณะของที่เป็น ฆาตกรต่อเนื่อง (Serial Killer) นั้นเรียกว่าอะไร และมันมีผลอย่างไรต่อการที่ทำให้เขากลายมามีพฤติกรรมของการกินเนื้อมนุษย์ด้วยกัน (Canibalism) ประเด็นคือว่า เกร็ดและเรื่องเล่าที่เป็นวิทยาศาตร์ที่สามารถเปิดทางให้เยาวชน และผู้สนใจมี “ช่อง” ที่จะให้เขาได้เดินสู่ความรู้แขนงที่ใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็นอาชญวิทยาหรือว่า จิตวิทยา หรือแม้แต่ประวัตศาสตร์ไทยในยุคนั้น มีอยู่เหลือล้น ที่จะนำมาเล่าได้ แต่ กลับมีคำบอกเล่าแค่คำเดียวว่าศพนี้คือ นายซีอุย แซ่อึ้ง จบ ซึ่งปํญหาการให้ข้อมูลที่น้อยนี้ก็เหมือนกับปัญหา ของการแสดงในส่วนคดีนวลฉวี (ใครคือ นวลฉวี) และคดีสวรรณคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 8 (นักท่องเที่ยวต่างประเทศ จะรู้จักรัชกาลที่ 8 หรือไม่)

การจัดแสดงก็ไม่เป็นระเบียบ อุปกรณ์ที่ใช้ในระบบนิติเวชเก่าๆก็มีผุ่นจับ ไม่มีคนไปดูแล ทั้งๆ ที่นี่คือโรงพยาบาล น่าจะรักษาเรื่องความสะอาดได้ดีกว่านี้

ดูแล้วนักท่องเที่ยวก็่น่าจะแปลกใจว่าไปเดิน Emporium หรือ Gaysorn นี่อย่างกับห้างในสวรรค์ แต่พอมาเป็นเรื่องของพิพิธภัณฑ์ที่ให้ความรู้ต่อสาธารณะชน ทำไมถึงได้ ทรุดโทรมอย่างรุนแรงขนาดนี้ ทั้งๆ ที่อีก 2 ห้องข้างๆ อันได้แก่ พิพิธภัณฑ์ ปรสิตวิทยา พิพิธภัณฑ์พยาธิวิทยาเอลลิส และ ห้องแสดงประวัติการพัฒนาโรงพยาบาลนั้น อยู่ในสภาพที่ดีกว่ามากๆ ทั้งในด้านการจัดแสดง ข้อมูล และความสะอาด

อันดับต้นๆ ของ Search Engine

หากท่านพิมพ์คำว่า Forensic Museum เข้าไปใน Search Engine อย่าง Google สิ่งที่พบคือ ชื่อของพิิิิิพิธภํณฑ์นิติเวชศาตร์ สงกรานต์ นิยมเสนแห่งนี้จะเด้งออกมาอยู่ในหน้าแรกของการค้นหาเลยทีเดียว

เป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งว่า พิพิธภัณฑ์นิติเวชแห่งนี้ ติดอันดับอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของกรุงเทพมหานคร ได้รับการตีพิมพ์สำหรับนักท่องเที่ยวในประเทศต่างๆ เช่น ในอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น เป็นต้น ทั้งในสื่อสิ่งพิมพฺ์และอินเตอร์เน็ต โดย ข้อความที่โพสต์ ไว้ของผู้ที่เข้าเยี่ยมชม หลายคนพูดเหมือนกันคือ ประทับใจกับสิ่งที่นำมาแสดงอย่างมาก แต่ไม่ประทับใจอย่างแรง กับวิธีการนำเสนอ และบางคนก็มีเมตตาหน่อยว่า ประเทศด้อยพัฒนา ทำได้แค่นี้ก็บุญถมแล้ว?

ศักยภาพ

เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ดูจะมีอนาคตเป็นอย่างยิ่ง เพราะคนดูเยอะมาก และเรื่องราวเกี่ยวกับอาชญากรรม หรือคดีต่างๆ ที่แสดงด้านมืดของมนุษยนั้น์ คนชอบดู ชอบมากกว่าไปดูประวัติศาสตร์โรงพยาบาลหรือดูว่าพยาธิใบไม้ในตับอันตรายอย่างไรแน่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ Crime Drama ทางภาพยนต์ และโทรทัศน์ในต่างประเทศมาแรงเช่นนี้ ถ้ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวประเทศไทย ก็นับวันมีแต่จะเพิ่มจำนวนที่จะมาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้

สิ่งที่ผู้ที่เข้ามาชมจะได้รับนั้น

ความตื่นเต้น - เรื่องราวและสิ่งที่แสดงในที่นี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะตื่นเต้นเพราะเป็นเรื่องของอาชญากรรม เป็นเรื่องที่ผิดธรรมชาติ เป็นเหตุการณ์เฉพาะ อย่างเช่นในกรณีของเยาวชนที่เป็นนักเรียนนักศึกษานั้น ถ้าเข้ามาในนี้ สิ่งแรกที่เดินตรงไปดูทันทีก็คือ ศพของ ซีอุย จะเป็นเพราะภาพยนต์ที่สร้างแล้วสร้างอีกเกี่ยวกับฆาตกรต่อเนื่องคนนี้หรือไม่ก็ไม่ทราบได้
รับรู้ถึงสัจธรรมของชีวิต - เกิดแก่เจ็บตาย ทั้งจากตัวเอง จากผู้อื่น ล้วนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไ่่ม่ได้ทิ้งสิ้น การดูซากศพและซากอวัยวะเหล่านี้ ทำให้คนเราได้ ปลงในหลายๆ เรื่อง
การวางใจเป็นกลาง - อุเบกขา นั้นเป็นที่สังคมไทยขาด เพราะคนไทยมี เมตตา กรุณา มุฑิตา ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ของมนุษย์ต่อมนุษย์อยู่สูงมาก แต่อุเบกขา หรือการวางใจเป็นกลางที่เป็นการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และกฎเกณฑ์ของสังคม ที่คอยควบคุมทั้งสามอย่างแรก ไม่ให้ล้ำเส้นนั้น คนไทยมีน้อย คนไทยเชื่อคนมากกว่าเชื่อหลักฐาน แต่ เทคโนโลยีและการ การวิเคราะห์หลักฐานที่เป็นวิทยาศาสตร์ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องนี้ทำให้ ในคดีหนึ่งๆนั้น น้ำหนักจากปากของพยานลดลง ในขณะที่น้ำหนักของหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มีแนวโน้มที่จะมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้คนมีจิตใจเป็นกลางมากขึ้น
ความรู้ทางประวัติศาสตร์ของประเทศไทย - อาชญากรรมก็เป็นประวัติศาสตร์ในด้านหนึ่ง เหมือนกับที่เราเ่ล่าประวัติศาสตร์สมัยใหม่ผ่านทางการพัฒนาเศรษฐกิจ สงคราม และือื่นๆ อาชญากรรมเองก็เป็นแนวทางประวัติศาสตร์อย่างหนึ่ง คดีที่มีชื่อเสียงในสมัยหนึ่งก็สะท้อนภาพสังคมของยุคนั้นได้เป็นอย่างดีในหลายๆ มุม
การพัฒนาด้านนิติเวชเพื่อสนับสนุนงานด้านยุติธรรม - แรงบันดาลใจของคนเล็กๆ หนึ่งคนนั้นคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางของคนเล็กๆ คนนั้นไปสู่คนที่ยิ่งใหญ่ต่อไป ดังนั้นการสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนมีจิตใจรักความยุติธรรม มีการวางใจเป็นกลาง และเชื่อมั่นในแนวความคิดที่เป็นวิทยาศาสตร์นั้น เป็นสิ่งที่พิืพิธภัณฑ์แห่งนี้ มีบทบาทได้

แนวทางการปรับปรุง

ทางด้านการจัดการ - ปัญหาที่เป็นอยู่นั้น คือเรื่องปัญหาของการที่ไม่มีเจ้าภาพที่แท้จริง ไม่มีคนที่รับหน้าที่ทำการบริหารโครงการเต็มเวลา ดังนั้นแนวทางการจัดการอันดับแรกคือการหารเจ้าภาพโดยน่าจะมี ทางเลือกอยู่สองทางคือ

ทางรัฐเข้าไปทำเอง โดยจัดให้ไปอิงกับองค์กรอื่นที่ไม่ใช่โรงพยาบาลศิริราช ต้องหาให้ผู้เขี่ยวชาญการประชาสัมพันธ์และการจัดนิทรรศการเข้าไปทำ เพราะแพทย์ภาควิชานิติเวช งานเยอะมาก ไม่มีเวลามาทำตรงนี้ และก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการสืิ่อสารกับ สาธารณะ และการจัดนิทรรศการ
ให้สัมปทานกับ เอกชนเอาไปดำเนินการเองเลย ให้เอกชนทำการประชมสัมพันธ์ และขายตั๋วเอง จัดเป็นทัวร์นักท่องเที่ยวมาก็ไ้ด้ เขียน Term Of Reference ออกมาให้ชัดเจนในเรื่องขอบข่ายการดำเนินงาน เก็บนักท่องเที่ยวกับผู้ที่สนใจแพงหน่อย ถ้าเด็ก รัฐก็ Subsidy ค่าตั๋วไป

ทางด้านการจัดแสดง

การจัดกลุ่มงานแสดง แบ่งให้ชัดเจน - จริงๆ ในปัจจุบันก็ชัดเจนพอสมควร โดยแบ่งเป็นกลุ่มอวัยวะ แต่ไม่มีป้ายบอก เลยทำให้คนไม่ทราบ
ข้อมูลเบื้องหลังคดีดัง - น่าจะนำมาขยายความเล่าเรื่องให้ได้มากกว่านี้ อย่างที่ได้กล่าวไว้แล้วในตอนต้น
Animation + Audio - เป็นอุปกรณ์ที่แจกให้คนเข้าชม ลักษณะเหมือนโทรศัพท์มือถือ โดยงานแสดงแต่ละชิ้นจะมี ตัวเลขบอกไว้ เช่นโครงกระดู ซีอุย คือหมายเลข 14 ก็ กดหมายเลข 14 บนอุปกรณ์ แล้วกด play ก็จะมีเสียงบรรยายเกี่ยวกับ ว่าซีอุยคือใคร คดีเป็นอย่างไร เป็นค้น อันนี้จะทำให้คนอยู่ได้นานเป็นชั่วโมง เพราะของแต่ละชิ้นล้วนแ่ต่มีเรื่องราวยาวนานทั้งสิ้น เพราะเป็นชีวิตคน จริงๆ 1 คน และคนที่เข้ามาก็ให้ความเคารพ เห็นได้จากลูกอมที่คนเอาไปวางหน้าศพเด็กที่ตายทั้งกลม เป็นต้น ส่วนในเรื่องของ Video ก็สามารถในภาพคดีอาชญากรรม มา Remake หรือทำใหม่ก็ได้ แล้วนำไปเป็นตู้ Computer ให้คนได้กดดู หรือาจจะมีเกมประลองเชาวน์เกี่ยวกับ นิติเวชาให้เด็กเข้าไปเล่นก็ได้

Interior Space - ต้องจัดให้น่าสนใจกว่านี้ เพราะมีพิพิธภัณฑ์ของรัฐที่ทำได้ดีแล้วหลายแห่งและ ที่นี่คือ Tourist Attraction ของประเทศ ต้องทำให้ดีกว่าตู้กระจกเก็บของอย่างที่เป็นอยู่ ควรจะปรึกษาสถาปนิกและบริษัทออกแบบตกแต่งภายใน

แม้ว่า ฐานความรู้ของพิพิธภํณฑ์แห่งนี้จะเน้นไปที่นิติเวชในการวิเคราะ์ห์ศพเป็นหลัก เป็นเชิงการแพทย์ แต่ในความเป็นจริงที่เราเห็นนั้น ยังมีฐานความรู้ใหญ่ๆ ในทางนิติเวชอีกหลายแขนงเช่น ฐานความรู้เรื่องกระสุนปืน (Ballistic Analysis) ฐานความรู้เรื่องการกระจายของเลือด(ฺBlood Spatter Analysis) ลายนิ้วมือ (Fingerprint Analysis) ที่สามารถนำมาแสดงได้อีกมากมาย เพื่อให้คนได้วางใจเป็นกลาง และรักความยุติธรรมด้วยเหตุผล ไม่ใช่รักความยุติธรรมด้วยอารมณ์ แบบว่าไปตามกระทืบผู้ต้องสงสัยที่ไปทำแผนประกอบคำ
สารภาพ ทั้งๆที่เขายังไม่ได้ขึ้นศาลเลยด้วยซ้ำ

No comments: